-
edit
-
ไมค์ แม็คเคลนส์
ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดอีกชิ้นหนึ่งเป็นของ ไมค์ แม็คเคลนส์ เภสัชกรชาวอังกฤษและ สจ๊วต แม็คเคลนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ผู้เขียนหนังสือ “The Hibernation Diet” ซึ่งเดิมทีไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอาหาร แต่ผู้จัดพิมพ์หนังสือจึงได้แนะนำว่าควรจะนำเสนอในส่วนที่เกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าเรื่องสุขภาพโดยทั่วไป ดังนั้นผู้เขียนจึงปรับปรุงเนื้อหาขึ้นใหม่ โดยได้ระบุว่าน้ำผึ้งเป็นเชื้อเพลิงอาหารที่เป็นประโยชน์ต่ออวัยวะตับที่สมบูรณ์แบบก่อนที่เราจะนอนหลับ เนื่องจากน้ำตาลฟรุกโตสจะไปรวมตัวกับน้ำตาลกลูโคสกลายเป็นเชื้อเพลิงที่จะเปลี่ยนไปเป็นไกลโคเจน เมื่อตับได้รับเชื้อเพลิงอาหารที่สามารถช่วยเสริมสร้างการทำงาน ร่างกายของเราก็จะสามารถซ่อมแซมตนเองได้อย่างดีในระหว่างช่วงที่เรานอนหลับพักผ่อนได้ ดังนั้นเมื่อเราตื่นจึงสามารถรู้สึกได้ว่ามีพละกำลังและรู้สึกสดชื่นมากขึ้นเนื่องจากมีการเผาผลาญพลังงานจำนวนมากระหว่างที่เราหลับแต่เราสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นระหว่างวัน ทางผู้ผลิตหนังสือยอมรับว่า มีผู้ที่สามารถลดน้ำหนักตามวิธีดังกล่าวได้จริง เพียงร้อยละ 40 แต่ทุกคนที่ปฏิบัติตามจะรู้สึกการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยเริ่มจากการรับประทานน้ำผึ้งในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะก่อนนอนร่วมกับการออกกำลังกายแบบแรงต้านที่เน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
เกี่ยวกับกลไกการทำงานของน้ำผึ้งซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเมื่อมีการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับน้ำผึ้งและสุขภาพในครั้งแรกในเมืองเซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนียในเดือนมกราคม ปี 2008 โดยมีการนำเสนอผลการวิจัยที่หลากหลายเกี่ยวกับน้ำผึ้งและสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้หลายเล่ม ที่ได้รวมงานวิจัยซึ่งเราสามารถค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ -
ดร.ลีแอนน์ เคพิวลิส
นอกจากนี้ยังมีหนังสือ “Healing Honey” โดย ดร.ลีแอนน์ เคพิวลิส นักวิทยาศาสตร์และโภชนาการที่ทำงานเกี่ยวกับน้ำผึ้งและสุขภาพมานานกว่า 15 ปี ดร.เคพิวลิสได้ผลิตผลงานที่ช่วยสนับสนุนเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำผึ้งต่อสุขภาพและข้อมูลที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำผึ้ง ในผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเธอชิ้นหนึ่งได้ระบุการทดลอง ในตัวอย่างหนู 3 กลุ่มว่า กลุ่มที่กินอาหารที่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมไม่ได้มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมากไปกว่ากลุ่มที่เลี้ยงโดยให้กินอาหารที่ปราศจากน้ำตาล และกลุ่มที่เลี้ยงโดยอาหารที่ประกอบด้วยน้ำตาลซูโคลส หรือน้ำตาลทรายมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หนูกลุ่มที่เลี้ยงโดยน้ำผึ้งจะมีระดับไขมัน HDL หรือโคเลสเตอรอลดีในระดับที่สูงขึ้นและมีระดับน้ำตาลในเลือดในระดับที่ต่ำลงมากกว่าหนูกลุ่มที่เหลือ และยังมีความหนาแน่นของมวลกระดูกสูงกว่าหนูกลุ่มที่ไม่กินน้ำตาล
นอกจากนี้ การศึกษาทดลองอื่น ยังแสดงให้เห็นว่าหนูที่กินน้ำผึ้งมีความจำที่ดีมากกว่าและวิตกกังวลน้อยมากกว่ากลุ่มที่กินน้ำตาลซูโคลส ดร.เคพิวลิสสรุปว่าผลลัพธ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นด้วย และมาจากความแตกต่างของน้ำตาลที่ใช้เลี้ยงหนู ดร.เคพิวลิสยังได้ทำการทดลองด้วยตนเองและคนอื่นๆได้ใช้ข้อมูลการทดลองของเธอเพื่ออ้างอิงเมื่อมีการอภิปรายกันว่าเพราะเหตุใดจึงควรใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในอาหารที่เรารับประทาน -
ดร.สตีเฟน แพรตต์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลการทดสอบและศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า น้ำผึ้งประกอบด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและเป็นสารให้ความหวานที่หวานมากกว่าน้ำตาล หนึ่งในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับน้ำผึ้งที่เป็นที่รู้จักกันดี เป็นผลงานของ ดร.สตีเฟน แพรตต์ ในหนังสือ “Superfoods Healthystyle” ที่เขาได้เขียนขึ้นมา และกล่าวว่าน้ำผึ้งเป็นสุดยอดอาหารที่นำไปสู่วิถีแห่งการมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด -
ดร.รอน เฟสเซ็นเด็น และไมค์แม็คเคลนส์
หนังสือ “The Honey Revolution” โดย ดร.รอน เฟสเซ็นเด็น และไมค์แม็คเคลนส์ได้รวบรวมผลงานวิจัยในเชิงลึกเกี่ยวกับน้ำผึ้งที่หลากหลายโดยมีข้อมูลอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ผู้เขียนได้รวบรวมและนำเสนอข้อมูลโดยย่อเกี่ยวกับน้ำผึ้งที่สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และภายหลังได้ผลิตหนังสืออีกเล่มหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ที่มีรายละเอียดในเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนข้อสรุปเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำผึ้งดังกล่าว -
สรุปจากผลงานหนังสือและงานวิจัยหลายชิ้นที่กล่าวมาได้ว่า อาหารที่เรารับประทานประกอบด้วยน้ำตาลทรายและน้ำตาลฟรุกโตสจากข้าวโพดในปริมาณที่สูงเกินไป รายงานของ ซีบีซี แสดงให้เราเห็นว่า 1 ใน 4 ของครอบครัวประชากร ได้รับประทานน้ำตาลทรายในปริมาณ 4.1 ก.ก. ในหนึ่งสัปดาห์ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนหรือปริมาณการรับประทานน้ำผึ้งเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี น้ำผึ้งอาจประกอบด้วยพลังงานแคลอรี่ แต่ถ้าหากเราแทนที่น้ำตาลด้วยน้ำผึ้งในอาหารที่เรารับประทาน ก็จะสามารถรักษาและเสริมสร้างสุขภาพของเราได้ เนื่องจากน้ำผึ้งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลเราจึงสามารถรับประทานได้ในปริมาณที่น้อยกว่า และน้ำผึ้งยังอาจสามารถลดความหิวกระหายของร่างกายได้มากกว่าน้ำตาลทรายและน้ำตาลข้าวโพดอีกด้วย
-