• HEALTH REPORTS Edit

    Edit
  • Edit
  • แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดประจำทุกวัน Edit

    Edit
  • รอยัลเยลลีมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวขาวและมีคุณสมบัติทางการรักษาผิว Edit

    Edit
    • โดย รอยัลเยลลีช่วยลดกระบวนการการสังเคราะห์เม็ดสีในผิวหนัง ด้วยกระบวนการทำงานที่ลดการสร้างสารไทโรซิเนส Am J Chin Med, 2011; 39 (6) :1253 - 60 วัน พุธ ที่ 23 พฤศจิกายน 2011

      เหตุผลสำหรับการเลือกใช้เครื่องสำอางชิ้นหนึ่งคือ ความต้องการที่จะมีผิวสุขภาพดี และมีสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวในปริมาณสูง เนื่องจากเอนไซม์ที่สำคัญในการสังเคราะห์สารเมลานินซึ่งสร้างเม็ดสีคือสารไทโรซิเนส (tyrosinase) ดังนั้นสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวจึงต้องสามารถช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีในผิวหนังในปริมาณสูงผิดปกติ และทำหน้าที่ช่วยยับยั้งสารไทโรซิเนสได้

    • ในการศึกษาดังกล่าว เราได้ทำการทดสอบเกี่ยวกับกลไกการป้องกันกระบวนการสร้างเม็ดสีในระดับสูงเกินปกติของรอยัลเยลลี ในเซลล์ B16F1 เมลาโนไซต์ (melanocyte) ของหนูทดลอง ผลการรักษาเซลล์ B16F1 ด้วยรอยัลเจลลี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารอยัลเจลลีสามารถยับยั้งการสังเคราะห์สารเมลานินซึ่งสร้างเม็ดสีในผิวหนัง ในลักษณะที่ขึ้นอยู่กับปริมาณ ซึ่งการลดอัตราการผลิตสารเมลานิน เกิดจากการลดการทำงานและการผลิตสารไทโรซิเนส และระดับ mRNA ของสารไทโรซิเนสก็ลดลงด้วยเช่นกันหลังการใช้รอยัลเจลลี่จากผลลัพธ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่า รอยัลเยลลีช่วยลดการสังเคราะห์สารเมลานินด้วยการลดการผลิตและลดการทำงานของสารไทโรซิเนส mRNA และทำหน้าที่ช่วยฟื้นฟูและปรนนิบัติผิวใหม่ให้ขาว ทั้งยังเป็นตัวช่วยรักษาและสมานผิวอีกด้วย

    edit

  • Edit
  • การใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอสามารถปกป้องผิวช่วยให้ริ้วรอยลดลง Edit

    Edit
    • งานวิจัย: เรื่องโรคมะเร็งผิวหนัง : Dr. Adèle Green นักวิทยาศาสตร์อาวุโส หัวหน้ากลุ่มการศึกษาโรคมะเร็งและประชากรที่รัฐควีนส์แลนด์, สถาบันการวิจัยทางการแพทย์ในประเทศออสเตรเลีย

    • แพทย์ผิวหนังได้เคยแนะนำว่าการใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอสามารถปกป้องผิวช่วยให้ริ้วรอยลดลง ขณะนี้ได้มีงานวิจัยที่สนับสนุนเรื่องนี้ว่า ผู้ที่ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันพบว่าริ้วรอยได้ลดลงถึง 24% โดยวัดจาก เส้นริ้วรอยและความหยาบของชั้นผิวหนัง ดร.เจฟรีย์ โดเวอร์ , แพทย์ผิวหนังใน Chestnut Hill ได้สนับสนุนและกระตุ้นเตือนให้ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดได้นำเสนอเกี่ยวกับการช่วยลดการเกิดริ้วรอยหรือ การเปลี่ยนแปลงของชั้นผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากแสงอาทิตย์มาช้านานแล้ว เพียงแต่ว่าหลักฐานการทดลองใช้กับมนุษย์นั้นยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น จากงานทดลองที่ตีพิมพ์ในปี 1995 กล่าวว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง 35 คน พบว่าไม่เคยใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวหนังเลย
      การทดลองเรื่องการป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง ของสถาบันการวิจัยทางการแพทย์ในประเทศออสเตรเลีย มีผู้ที่เข้าร่วมการทดลองจำนวนทั้งหมด 903 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ และกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 55 ปี ทั้งหมดอาศัยอยู่ใน Nambour, Australia ใกล้ชายฝั่งทะเล จะได้รับครีมกันแดดที่มีส่วนผสมในการป้องกันแสงแดด (SPF)15 + โดยครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมการทดลองจะต้องใช้ครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกไปยังพื้นที่โล่งแจ้ง ,ใช้ซ้ำหลังจากเสร็จจากกิจกรรมทางน้ำ , เมื่อมีเหงื่อออกมาก หรือใช้เวลาอยู่นอกบ้านนานหลายชั่วโมง โดยให้ใช้เป็นปกติอย่างสม่ำเสมอ
      ผลจากการศึกษา กลุ่มผู้ที่ใช้ครีมกันแดดอย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์มีอยู่ 77 % เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ควบคุมการใช้เป็นประจำทุกวันอีก 33 % โดยนักวิจัยได้นำ รอยพิมพ์ยางซิลิโคนด้านหลังมือของผู้เข้าร่วมการทดลอง ทั้งก่อนเริ่มการทดลองและหลังจากการทดลอง 4ปีครึ่ง แบ่งระดับของลายเส้นและความหยาบของชั้นผิวหนังออกเป็น 6 ระดับ และได้นำไปตรวจสอบพบว่าความเสียหายที่มองเห็นได้จากผิวหนังชั้นนอกสะท้อนให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นใน จึงสามารถสรุปข้อสมมุติฐานนี้ได้ว่า สาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย ในกลุ่มผู้เข้าร่วมการทดลองที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี นั้น มาจากแสงแดด ไม่ได้เกิดจากกระบวนการเกิดริ้วรอยทางธรรมชาติหรือตามช่วงอายุ อย่างแน่นอน ผลจากการทดลอง ทำให้เราพบประเด็นสำคัญว่า ถ้าเราสามารถลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับผิวหนังจากรังสียูวีได้ ก็ย่อมที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน

    edit

Information

ปิดหน้าต่าง